วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ในสัปดาห์นี้ดูเหมือนว่างานของเราไม่ค่อยคืบหน้าสักเท่าไร อาจเป็นเพราะเวลาที่จะได้ทำงานในชั่วโมงน้อยลงไปจากการแลกคาบ และอาจเป็นเพราะเรามีปัญหาเรื่องถังที่ว่าถังหมักเก่าไม่สามารถใช้ได้เพราะถูกสนิมขึ้นจนผุ เราจึงต้องทำถังใหม่ การทำถังใหม่นั้นตอนแรกเราก็คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร แค่เขียนแบบถังไปให้พี่ก้องก็พอ แต่ในความเป็นจริงนั้น แบบถังก็ต้องปรับหลายครั้ง และเรายังต้องไปหาซื้ออุปกรณ์มาเอง ไม่ว่าจะเป็นถัง ท่อ PVC หรือเหล็ก ซึ่งในการหาซื้อนั้นเราก็ต้องเสียเวลาไปเกือบอาทิตย์ เพราะเกิดปัญหามากมายเช่นร้ายปิดบ้าง หาซื้อไม่ได้บ้าง ทำให้เสียเวลาในการทำงานไปค่อนข้างมาก นอกจากถังแล้ว อีกอย่างที่พวกเราได้ทำก็คือ Bio-ethanol ซึ่งก็ค่อนข้างล่าช้าเช่นกัน

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

[$a$kia] ThIrD $teP *

สัปดาห์ที่สามเป็นสัปดาห์ของการทำงานที่รู้สึกว่างานเริ่มจะเป็นไปได้ช้าลงจึงทำให้งานที่คืบหน้าในแต่ละวันดูจะไม่ค่อยดีซักเท่าไรนัก เนื่องจากว่า เราไม่สามารถทำอุปกรณ์ หรือทำถังเองได้ จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใหม่ในบางส่วน โดยเราแบ่งงานกันว่า มี 3 คนไปทำเรื่องถังไบโอก๊าซและอีก 2 คนทำเรื่องไบโอเอธานอล แต่ไปๆมาๆถังไบโอก๊าซซึ่งไม่สามารถทำอะไรได้ในระหว่างที่รอตัวถังรวมถึงอุปกรณ์นั้นก็ต้องมาช่วยกันทำไบโอเอธานอลกันหมด ทำให้คนล้นงาน จนดูเหมือนนั่งว่างๆไปนิดเลยทีเดียว

สิ่งที่ได้เรียนรู้ในสัปดาห์นี้คงเป็นการที่ต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์มากที่สุดโดยที่จะไม่สามารถละเลยความรับผิดชอบเลยได้แม้แต่วันเดียวเพราะนั่นหมายถึงความล่าช้าในการทำงานที่ดูจะถอยหลังไม่ตรงตามาแผนไปเรื่อยๆเสียแล้ว เพราะทุกวันก็ต้องแบ่งกันไปหาอุปกรณ์ และถ้าหากลืมก็จะทำให้การทำถังช้าไปอีกนั่นหมายถึงเราจะมีเวลาน้อยลงในการทำก๊าซชีวภาพซึ่งต้องใช้เวลานานในการหมักครั้งแรก..
แล้วเราก็ลืมคิด จำไม่ได้ รวมทั้งคิดไม่ถึงไปหลายวันเสียด้วย ทำให้แผนการดำเนินงานที่วางไว้รวมเสียหมด..

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

week 2

อาทิตย์นี้ได้ไปหาข้อมูลการทำเอทานอลที่กรมวิทยาศาสตร์ด้วยแต่ข้อมูลที่หาได้นั้นเป็นภาษาอังกฤษ หน้าที่การอ่านจึงตกเป็นของเพื่อนๆไป ต่อมาพวกเราได้ล้างถังไบโอแก๊สแต่พอเปิดฝามาดูมันกลับเป็นสนิมเราจึงได้ตัดสินใจว่าจะทำถังใหม่ อุปกรณ์ที่ต้องการคือ 1. ถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร 2. ท่อแป๊ป 1½ นิ้ว 3. นอตเบอร์ 10 สะแตนเหลด 5 ตัว 4. ยางปะเค็น 5.สายยาง และ ฯลฯ
ความรู้ที่ได้ในอาทิตย์นี้คือการ ทำ ไบโอเอทานอล อย่างง่าย 1. สับและต้มเพื่อแยกเอา lignin ออก 2. ใส่กรดลงไปสลายพันธะ ให้เป็น ซูโคลส 3.หมักกับยีสต์ทำให้เป็นเอททานอล 4.แยกเอาเอททานอลบริสุทิ์โดยการกลั่นลำดับส่วน

KNOWLEDGE WEEK 2............????

ในสัปดาห์นี้ เราเริ่มทำงานในภาคปฏิบัติกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับถังหมัก ซึ่งพวกเราล้างจนเสร็จทั้งหมด โดยเราพบว่าปัญญาหาที่เกิดขึ้นคือ ถังหมักที่เป็นเหล็กนั้นจะขึ้นสนิมและถูกัดกร่อนจนผุ ทำให้เราจำเป็นจะต้องทำถังใหม่เป็นพลาสติกหรือไฟเบอร์กลาส ส่วนทางด้าน Bio-ethanol นั้น ในสัปดาห์นี้เราได้ไปที่กรมวิทยาศาสตร์บริการเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ซึ่งการไปหาข้อมูลในครั้งนี้ทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจกับเนื้อหา แล้วหยิบเอาส่วนสำคัญของข้อมูลแต่ละชุดมารวมกัน จนได้เป็นชุดข้อมูลใหม่ของเราเอง จากนั้นเราก็ได้เริ่มเก็บใบไม้และลองทำ Bio-ethanol จริงเป็นครั้งแรก
จากการทำงานทั้งหมดในสัปดาห์นี้ ทำให้ได้เรียนรู้ว่า การลงมือปฏิบัติจริงจะทำให้เราได้เรียนรู้อย่างดีที่สุด ในตอนแรก พวกเราคิดว่าจะหาข้อมูลให้ได้มากที่สุดและละเอียดที่สุด เพื่อจะได้ลงมือทำได้รวดเร็ว แต่ในที่สุด การจะหาข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์และบอกขั้นตอนในการทำทุกอย่างนั้น ก็เป็นไปไม่ได้ การที่จะรู้วิธีการทำอย่างละเอียดได้นั้น มีอยู่ทางเดียวคือลงมือทำ การลงมือทำจริงจะช่วยตอบปัญหาที่เราเคยไม่รู้ได้ เพราะการลงมือทำนั้นหมายความว่าเราจะต้องทดลอง ถ้าไม่ลงมือทำ ก็จะไม่รู้ว่าสิ่งที่เราคิดว่าใช่นั้นถูกต้องจริงหรือไม่ ถ้าไม่ลงมือทำก็จะไม่รู้ว่าจริงๆแล้วต้องทำอย่างไรแน่ ถ้าไม่ลงมือทำ ก็จะไม่รู้ว่าข้อผิดพลาดและอุปสรรคอยู่ตรงไหน ถ้าไม่ลงมือทำ ก็ยังไม่รู้จริง

ณิชาลักษณ์ เลิศประพันธ์

สรุปการเรียนรู้Week2*~

สัปดาห์ที่สองนี้สิ่งที่เราต้องพบเจอ คือผลกรรมของงานที่ไม่เสร็จตามแผน เราจำเป็นต้องทำงานจนเย็นค่ำแทบทุกวัน เพราะงานล้างถังนั้นมีข้อจำกัดคือไม่สามารถทำได้ในเวลาช่วงเช้าเพราะอาจทำให้อาหารเป็นพิษได้ หรืออาจทำให้เรากินข้าวไม่ลงจนเสียสุขภาพในที่สุด เราจึงเริ่มดำเนินงานเรื่องเอทานอลไปพร้อมๆกันโดยจะทำงานเอทานอลหรือการออกแบบถังหมักในช่วงเช้าและทำงานล้างถังหมักในต้องภาคบ่ายหรือหลังเลิกเรียน

เนื่องจากงานเรื่องเอทานอลข้อมูลบางส่วนยังไม่ครบและหาได้ยากมากเราจึงไปสืบค้นข้อมูลที่กรมวิทยาศาสตร์บริการ ข้อมูลต่างๆที่เราได้จากที่นั้นล้วนเป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้น และด้วยความที่เราไม่ได้นำพจนานุกรมเข้าไปด้วยจึงพบกับปัญหาการการอ่าน “ทำให้เราเห็นความสำคัญของการรู้ข้อมูลของสิ่งนั้นๆเสียก่อน เพื่อที่จะสามารถเตรียมตัวให้พร้อมและเหมาะสมกับสถานที่นั้นได้” แต่สุดท้ายพวกเราก็สามารถได้วิธีการมาในที่สุด แม้จะปวดหัวตาลายกับภาษาอังกฤษเป็นที่สุด ทั้งยังได้เริ่มการทำไบโอเอทานอลแล้วอีกด้วย

ทั้งด้วยความร่วมมือ ความพยายามของพวกเรา และความทุ่มเททำงานแทบทุกวันถังหมักจึงเสร็จ และการล้างถังหมักใบที่สองทำให้เราพบว่ามีวิธีการกำจัดน้ำในถังที่ง่ายมากอยู่หากเราสังเกตสิ่งแวดล้อมดีๆ “เราจึงคิดว่าการสังเกตนั้นสำคัญมาก” และยังได้ขอคิดเรื่อง“ความมีสติในทุกๆสถานการณ์” จากเหตุการณ์นำหมักพุ่ง หากไม่มีสติและไม่มีโชคคงได้เลอะแน่นอนและเพราะโชคดีไม่ได้อยู่กับเราตลอด สติจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทั้งเรายังได้ออกแบบถังหมักใหม่อีกด้วย แถมหลังจากที่ล้างถังเสร็จเราพบว่าถังนั้นถูกสนิมกัดกร่อนไปมากแล้ว แถมเรายังได้ถามผู้เชี่ยวชาญจงพบว่า ถังหมักควรจะทำจากพลาสติก เพื่อไม่ให้เกิดการกัดกร่อน จะได้ใช้ได้นานๆ เราจึงต้องทำถังหมักใหม่อีกครั้ง จากการที่เราได้ไปปรึกษาพี่ก้องทำให้เราได้แง่คิดอีกว่า“การรอคอยอย่างเดียวโดยไม่ทำช่วยเหลือหรือหาโอกาสให้เอง นั้นไม่ทำให้สิ่งที่เราต้องการเกิดขึ้นได้” หลังจากที่เราเสียเวลาไปกับการที่พี่ก้องหายไปเพราะพี่ก้องต้องช่วยดูงานของหลายๆกลุ่ม จนในสุดเราจึงเริ่มออกตามหาพี่ก้อง และงานของเราจึงได้เริ่มเดินหน้าขึ้นจากที่หยุดไปสักพัก เสียเวลาทำงานไปกับการนั่งรอ เล่นกับมดกับดินทราย

ทั้งพวกเรายังได้ฝึกการทำงานโดยพึงพาผู้อื่น ทั้งป้าเปรี้ยว และพี่ก้อง พวกเราเองต้องขอขอบคุณในความช่วยเหลือเป็นอย่างมาก

วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

[$a$kia] $econd $teP *

สัปดาห์ที่สอง.. เป็นสัปดาห์ที่หนักไปทางด้านปฏิบัติเสียมากกว่า ตั้งแต่เริ่มสัปดาห์มาคือในวันอาทิตย์ ก็ได้ล้างถังหมักก๊าซชีวภาพเป็นอย่างแรก แค่สภาพถังและรอบข้างถังก็ไม่อยากทำเสียแล้ว สภาพในถังยิ่งแล้วใหญ่ ปฏิกิริยาของเพื่อนๆก็ดูคล้ายกันคือ.. ขยะแขยง.. แต่แล้วเมื่อคิดไปคิดมา อย่างไรก็ต้องทำ ก็เลยพากันคิดว่า ทำช้าทำเร็วยังไงก็ต้องทำเพราะฉะนั้นก็ทำๆไปเถอะ จึงพร้อมใจกันลงมือทำ ช่วงแรกๆก็ยังเหลือความขยะแขยงไว้.. หลังๆก็เริ่มปลง ล้างหน่อยก็ช่างมันเถอะ .. ถังที่สองก็ยังคงคล้ายถังแรก แต่สะดวกกว่าหน่อยและทำใจได้เร็วกว่าหน่อย แล้วก็เสร็จเร็วหน่อย ความรู้สึกว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ลงตัวและดีใจที่มีเพื่อนร่วมกลุ่มอย่างนี้ยังคงอยู่ เพราะทุกคนยังคงช่วยกันทำงาน ออกความคิดเห็น ค้นคว้าและปรับปรุงข้อมูลอยู่เสมอๆ

นอกจากจะได้ลงมือภาคปฏิบัติแล้ว ยังได้มีโอกาสออกไปค้นคว้าข้อมูลการทำไบโอเอธานอลจากกรมวิทยาศาสตร์อีกด้วย เป็นการออกนอกโรงเรียนในชุดนักเรียนครั้งแรกที่ไม่มีครูคุมทำให้รู้สึกแปลกๆ เพราะปกติจะมีคนคอยชี้แนะว่าควรจะทำอย่างไร พอไปถึงก็ยังรู้สึกงงๆว่าควรจะทำอะไรก่อน สิ่งที่พบตามมาคือ ข้อมูลมีแต่ภาษาอังกฤษ เห็นแล้วก็เกิดอาการผวา.. ว่านี่จะต้องแปลแล้วเอามาทำหรือนี่ แต่เพื่อนๆก็ไม่มีอาการสะทกสะท้าน เราจึงได้แต่เก็บความผวาไว้ในใจแล้วลงมือค้นคว้าข้อมูลซึ่งมีเวลาแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ได้ฝึกการบริหารเวลาและใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ได้ฝึกค้นคว้าหาหนังสือจากห้องสมุดด้วย สนุกไม่น้อยค่ะกับการได้ทำอะไรใหม่ๆที่ไม่เคยทำและเป็นก้าวแรก ก้าวแรกที่อาจจะไม่ได้มั่นคงและเต็มไปด้วยความมั่นใจนัก.. แต่ก็เชื่อมั่นว่า.. ก้าวต่อๆไปจะต้องมั่นคงและดูมั่นใจกว่านี้แน่นอนค่ะ

อย่างที่สามคือได้ออกแบบถังก๊าซชีวภาพใหม่ เนื่องจากได้ข้อมูลจากคุณพ่อมาว่า ถ้าใช้ถังโลหะแล้วตัวถังจะถูกกรัดกร่อนเนื่องจากเวลาที่เศษอาหารย่อยสลายจะเกิดกรดออกมา ทำให้ตัวถังถูกกรัดกร่อนและจะเกิดการรั่วซึมได้ง่าย ควรจะใช้ถังที่ทำจากพลาสติกหรือไฟเบอร์กลาสแทน และในวันหนึ่งคุณพ่อก็ได้มาดูถังหมักด้วยตัวเอง หลังจากที่เราได้แยกส่วนออกมาล้างกันเรียบร้อยแล้ว คุณพ่อดูๆอยู่พักหนึ่งแล้วก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ควรใช้ถังพลาสติก แล้วก็พาออกแบบถังใหม่ ว่าจะออกแบบอย่างไรดี ให้ดูจากถังเก่าว่าส่วนไหนที่ควรนำมาปรับ นำมาใช้ต่อ หรือแก้ไขให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นบ้าง ได้ฝึกสังเกต คิดให้รอบคอบ และจินตนาการถึงเวลาที่ใช้งานจริงว่าจะเป็นอย่างไร และที่สำคัญคือเมื่อได้ร่วมกันคิด ร่วมกันเสนอในข้อเสียต่างๆ ความรู้สึกหนึ่งก็เกิดขึ้นมาว่า.. นี่แหละ.. เป็นการทำงานที่เกิดขึ้นจากของพวกเราเองจริงๆ

----------------------- [ b¥ :: $ a $ k i a * ] ---------------------

วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

การเรียนรู้ week2***

ในอาทิตย์นี้ พวกเราก็เริ่มเจาะมาที่การทำBioethanolมากขึ้น โดยพวกเรามีโอกาสได้ออกไปหาข้อมูลกันที่ กรมวิทยาศาสตร์บริการ ตอนที่ไปนั้นเราต้องบริหารจัดการเวลากันมากๆเพราะมีเวลาแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น เเละข้อมูลส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาอังกฤษเเทบทั้งสิ้น แต่อย่างไรก็ตามเราพบว่าข้อมูลส่วนใหญ่ก็ยังชัดเจนไม่พออยู่ดี เราจึงตัดสินใจลงมือทำไบโอเอทานอลกันเลย โดยอาศัยข้อมูลที่เรามีอยู่ก่อน

อีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องบริหารจัดการเวลาในการทำกันก็คือเรื่องถ้งหม้ก biogas ซึ่งจะทำได้หลังบ่ายโมงไปเท่านั้น ซึ่งเราจะมีเวลาทำกันในคาบน้อยมาก ก็เลยต้องเเบ่งเวลากันมาทำในตอนเย็นหลังเลิกเรียน

ปัญหาที่เราพบในอาทิตย์นี้คือ เราพบว่าถังหมักของป้าเปรี้ยวนั้นถูกกัดกร่อนจนสนิมขึ้นไปเเล้ว เราก็เลยคิดกันว่า จะเปลี่ยนมาใช้พลาสติก แทน ซึ่งจะทำให้แผนของเราล่าช้าไปอีก ทำให้พวกเราต้องเร่งมือทำ เพื่อที่จะให้ถังเสร็จทันหมักก่อนไปภาคสนาม

การทำงานในอาทิตย์นี้ทำให้ฉันรู้สึกว่ามีวินัยการทำงานมากขึ้นเนี่องจากต้องอาศัยทักษะในการจัดการเวลา เเละ การทำงานให้ตรงกับแผนงานที่เราวางเอาไว้

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

วิธีการทำไบโอเอธานอล (ในรายงาน)

วิธิการทำไบโอเอธานอล

การเตรียม : ใช้การบดหรือหั่นให้มีขนาดเล็กลง และต้มเพื่อแยกเอา lignin ออก

Hydrolyse ด้วยกรดเจือจาง : ใส่ซัลฟูริก 0.7 % w/w ที่อุณหภูมิ 190 °C จะสลายพันธะ cellulose ให้กลายเป็น sucrose โดยจะต้องใส่ปูนขาวเพื่อทำให้เป็นกลางก่อนนำไปหมัก

หมักด้วยยีสต์ : C₁₁H₂₂O₁₁ + H₂O ( sucrose )----> C₆H₁₂O₆ + C₆H₁₂O₆ ( glucose/fructose )
ยีสต์มี enzyme invetase ช่วยสลาย sucrose
C₆H₁₂O₆ --- > 2C₂H₅OH + 2CO₂
Glucose / fructose ทำปฏิกิริยากับ enzyme zymase ในยีสต์เกิดเป็นเอธานอลกับคาร์บอนไดออกไซด์

ทำให้บริสุทธิ์ : แยกยีสต์และแยกเอธานอล ออกจากสารละลาย โดยใช้การกลั่นลำดับส่วน และใช้น้ำละลายสารปนเปื้อนอื่นๆ จากนั้นจึงค่อยแยกน้ำออก

------------------------------------ [ b¥ : $ a $ k i a * ] ---------------

-- • วิธีการแยกยีสต์ • --

การคัดเลือกยีสต์ตกตะกอน เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพการหมักเอทานอล และยีสต์อาหารสัตว์โดยเทคนิค fed-batch ร่วมกับการนำเซลล์กลับมาใช้


ปัจจุบันรัฐบาลส่งเสริมการผลิตเอทานอลเพื่อเป็นเชื้อเพลิง และได้สนับสนุนให้มีการใช้เอทานอลผสมกับน้ำมันเบนซินประมาณ 10-20% เพื่อผลิตแก๊สโซฮอล์ การใช้แก๊สโซฮอล์นอกจากจะช่วยลดเงินตราที่จะใช้ซื้อน้ำมันจากต่างประเทศแล้ว ยังช่วยลดปัญหาราคาตกต่ำของผลผลิตทางการเกษตร เช่น อ้อย และมันสำปะหลัง

ยีสต์ตกตะกอน (ก) ยีสต์ตะกอน (ข)
เซลล์เริ่มจับกลุ่มและตกตะกอน เมื่อหยุดเขย่า


ยีสต์สายพันธุ์ตกตะกอนคือ ยีสต์ที่เซลล์สามารถรวมกลุ่มกันและแยกออกจากอาหารที่ใช้เลี้ยง เมื่อสิ้นสุดการหมักยีสต์ประเภทนี้มีโอกาสที่จะพัฒนากระบวนการผลิตเอทานอล โดยใช้กระบวนการนำเซลล์ที่หมักแล้วกลับไปใช้ใหม่ ทำให้การผลิตเอทานอลมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และการกลั่นเอทานอลจากน้ำหมักที่ไม่มีเซลล์ยีสต์อยู่มีการใช้พลังงานน้อยลง นอกจากนั้นยังสามารถนำเซลล์ส่วนที่ไม่ได้ใช้ไปผลิตเป็นยีสต์อาหารสัตว์ โดยไม่ต้องใช้วิธีการแยกยีสต์ที่มีราคาแพง


นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการผลิตเอทานอลสำหรับเป็นเชื้อเพลิงมาเป็นเวลานาน และได้รวบรวมยีสต์สายพันธุ์ตกตะกอนและทนอุณหภูมิสูงไว้จำนวนหนึ่ง ด้วยเหตุผลข้างต้นทีมนักวิจัยเอทานอลของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันเทคโนลาดกระบัง และกรมวิชาการเกษตร ได้ร่วมวิจัยเรื่อง การปรับปรุงการผลิตแอลกอฮอล์ของโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เพื่อพัฒนากระบวนการผลิตเอทานอล ร่วมกับการผลิตยีสต์อาหารสัตว์ให้เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อมของประเทศไทย ใช้ยีสต์สายพันธุ์ตกตะกอนที่แยกและคัดเลือกได้ในประเทศ ใช้อุปกรณ์เครื่องจักรที่ผลิตได้ในประเทศ รวมทั้งใช้เทคโนโลยีที่ไม่ต้องลงทุนสูง และขนาดไม่ใหญ่เกินไป โดยใช้โรงแอลกอฮอล์ของงานทดลองผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิง โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เป็นที่ทดลองระดับโรงงานขนาดเล็ก ใช้เวลาวิจัย 1 ปี โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจาก สกว. ประกอบด้วยโครงการย่อยคือ "ยีสต์ตกตะกอนสำหรับการผลิตเอทานอลและยีสต์อาหารสัตว์" และ "การปรับปรุงประสิทธิภาพการหมักแอลกอฮอล์โดยเทคนิค fed-batch ร่วมกับการนำเซลล์กลับมาใช้"

สำหรับผลงานของโครงการทั้งสองคือ คัดเลือกได้ Saccharomyces cerevisiae M30 ซึ่งตกตะกอนได้ดี สามารถหมักเอทานอลจากกากน้ำตาล และผลิตยีสต์โปรตีนจากกากน้ำตาล และน้ำกากส่า ได้ดีกว่า S. cerevisiae Sc90 ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเอทานอล และ Candida utilis ที่ใช้ในการผลิตยีสต์โปรตีนที่มีประสิทธิภาพสูง โดย M30 ทนต่ออุณหภูมิค่อนข้างสูง ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในระบบหล่อเย็น และลดปัญหาการหมักที่ไม่สมบูรณ์ในช่วงฤดูร้อน นอกจากนั้น M30 ยังมีศักยภาพสูงสำหรับนำไปหมักเอทานอลจากกากน้ำตาล ด้วยเทคนิค repeated fed-batch โดยลดระยะเวลาการหมักเอทานอลต่อรุ่นได้เหลือต่ำกว่าระยะเวลาปกติที่ใช้ในโรงงานสุราถึงประมาณ 6-8 เท่า ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตเอทานอลสูงขึ้น ในการผลิตยีสต์อาหารสัตว์จากกากน้ำตาล โดย M30 ในถังหมักระบบอากาศลอยตัวพบว่าการหมักแบบ batch ในสภาวะที่เหมาะสม ให้ผลผลิตเซลล์ค่อนข้างต่ำ แต่เมื่อปรับปรุงการหมักเป็นแบบ fed-batch สามารถเพิ่มผลผลิตเซลล์ เมื่อนำเทคนิคนี้ไปขยายใช้กับถังหมักในระดับกึ่งโรงงานขนาด 100 ลิตร ก็ยังคงรักษาระดับความสามารถในการผลิตได้เท่ากับในห้องปฏิบัติการ นอกจากนี้การเพิ่มเทคนิค repeated batch สามารถลดระยะเวลาการหมักลงได้อีกถึง 3 เท่า คณะผู้วิจัยกำลังจะนำผลการทดลองนี้ไปขยายผลในระดับโรงงานอุตสาหกรรม

BïoGaT Ac ฯ [8-9/nov/2007]

---------/ ♠ BïoGaT [ 8/nov/07 ] ♠ \----------

- สำรวจขนาด แบบ และวิธีการทำถังของป้าเปรี้ยวที่ใช้ในการทำก๊าซชีวภาพ

- ล้างถังหมักก๊าวชีวภาพอีกใบที่เหลือ

- นำถังก๊าซชีวภาพที่ล้างไป 1 ใบก่อนหน้านี้แล้วไปให้พี่ก้องที่เวิร์คชอป

- ออกแบบถังก๊าซชีวภาพใหม่อีกครั้งเนื่องจากถังใบเก่ามีสภาพทรุดโทรมและถูกการกัดกร่อน มีสนิมขึ้น

- นำเสนอความคืบหน้าของโปรเจ็กต์กับครูชาลี

---------- ข้อมูลและความรู้ที่ได้เพิ่มเติมในวันนี้----

- ถังก๊าซชีวภาพที่ทำจากโลหะจะถูกกัดกร่อน และบางส่วนก็ขึ้นสนิมทำให้ก๊าซรั่วได้ง่าย ซึ่งการใช้ถังที่ทำ
จากพลาสติกน่าจะดีกว่า ดังนั้นเราจึงต้องมีการปรับปรุงแบบถังใหม่

- ถังที่ใช้ทำก๊าซชีวภาพมีขนาด 200 ลิตร

---------/ ♠ BïoGaT [ 9/nov/07 ] ♠ \----------

- ออกแบบถังรวมถึงวาดแบบอย่างละเอียด

- เก็บงานเอกสารที่เหลือ

- หาข้อมูลวิธีการแยกยีสต์

- เริ่มรวบรวมใบไม้ในการทำไบโอเอธานอลและเตรียมสารซัลฟูริกเจือจาง

- แบ่งหน้าที่ในการทำงานในวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อหาอุปกรณ์ในการทำถังหมักก๊าซชีวภาพ

- สรุปการเรียนรู้ในสัปดาห์นี้

------ ข้อมูลและความรู้ที่ได้เพิ่มเติมในวันนี้--------

- ได้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการแยกยีสต์ออกจากเอธานอล

- ใบไม้ที่จะใช้ทำไบโอเอธานอลจะต้องมีการแยกและบันทึกข้อมูลในการทำทุกครั้งวเพื่อใช้ในการสรุปผล
การทดลอง รวมถึงลองทำในครั้งต่อไปโดยแยกประเภทใบไม้เป็น ใบเลี้ยงเดี่ยว ใบเลี้ยงคู่ หรือใบไผ่

- ได้รายการอุปกรณ์ในการทำถังอย่างละเอียดเพื่อไปจัดหาซื้อ

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

BïoGaT Ac ฯ [6,7/nov/2007]

---------/ ♠ BïoGaT [ 6/nov/07 ] ♠ \----------

- ไปรวบรวมข้อมูลการทำไบโอเอธานอลจากกรมวิทยาศาสตร์

- ปรึกษาเรื่องการทำไบโอเอธานอลกับรุ่นพี่ ม.6

- ล้างถังหมักก๊าซชีวภาพต่อจากเมื่อวันอาทิตย์

------ ข้อมูลหรือความรู้เพิ่มเติมที่ได้ในวันนี้ -------

- จากการที่ได้ล้างถังหมักก๊าซชีวภาพนั้น ตอนถ่ายเศษขยะออกมาด้านนอกพบว่า เศษพริกยังคงเป็นสีแดง

สดอยู่ แสดงว่าไม่เกิดการย่อยสลาย ดังนั้นตอนนำเศษอาหารมาใส่ลงในถังหมักก๊าซชีวภาพจึงไม่ควรนำ

พริกลงมาใส่ด้วย

---------/ ♠ BïoGaT [ 7/nov/07 ] ♠ \----------

- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับไบโอเอธานอลที่หามาจากกรมวิทยาศาสตร์เมื่อวานนี้


------ ข้อมูลหรือความรู้เพิ่มเติมที่ได้ในวันนี้ -------

- ได้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องวิธีการทำไบโอเอธานอล

---------------------[ b¥ `$ a $ k i a .. ]

วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

BïoGaT Ac ฯ [ 4 /nov/2007 ]

---------/ ♠ BïoGaT [ 4/nov/07 ] ♠ \----------

- ถ่ายน้ำหมักก๊าซชีวภาพออกจากถัง

- นำน้ำหมักที่ได้ไปรดน้ำต้นไม้

- วัดค่า pH น้ำหมักชีวภาพ

------ ข้อมูลเพิ่มเติมที่ได้ในวันนี้ -----------------

- ค่า pH ที่ได้คือ 7.3

-จากผลที่ได้คาดว่าน่าจะเกิดก๊าซแต่ถังอาจจะรั่วจึงไม่สามารถนำก๊าซชีวภาพมาใช้ได้

วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

อาณาจักร -(ชีวภาพ)- OoO*



***โพรแคริโอต(prokaryote) เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเซลล์ขนาดเล็กไม่มีนิวเครียส เนื่องจากไม่มีเยื่อหุ้มแบ่งแยกไซโทพลาซึมและสารพันธุกรรมออกจากกันสารพันธุกรรมที่พบในเซลล์โพรแคริโอตส่วนใหญ่เป็น DNA เพียงโมเลกุลเดียว โดยอยู่เป็นอิสระไม่รวมกับโปรตีน นอกจากนี้เซลล์โพรแคริโอตยังไม่มีออร์แกเนลล์(organelle) ชนิดที่มีเยื่อหุ้ม เช่น ไมโทคอนเดรีย, พลาสทิด เป็นต้น ตัวอย่างของเซลล์โพรแคริโอต ได้แก่ แบคทีเรีย สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน
***ยูแคริโอต (Eukaryote) คือสิ่งมีชีวิตที่มีเซลล์สลับซับซ้อน เป็นเซลล์ขนาดใหญ่มีโครโมโซมจำนวนหลายชุด บรรจุอยู่ในนิวเคลียสอีกทีหนึ่ง อุบัติขึ้นเมื่อ 2.5 ล้านปีก่อน หลักการของยูแคริโอตคือ การบรรจุดีเอ็นเอไว้ในโครโมโซมหลายตัวซึ่งแวดล้อมด้วยโปรตีนภายในเนื้อเยื่อของนิวเคลียส สิ่งมีชีวิตที่เป็นยูแคริโอต คือ สัตว์, พืช และ เห็ดรา ซึ่งประกอบด้วยเซลล์หลายเซลล์ รวมทั้ง โพรทิสตา *เป็นสิ่งชีวิตที่เซลล์มีนิวเคลียสหรือมีเยื่อหุ้มนิวเคลียส

***โพรทิสต์ (Protist) อยู่ในโดเมนยูแคริโอต จัดอยู่ใน อาณาจักรโพรทิสตา (Kingdom Protista) เป็นพวกเซลล์เดี่ยวที่ทำหน้าที่ในเซลล์ครบอย่างสมบูรณ์ ภายในเซลล์มีขอบเขตของนิวเคลียสที่ชัดเจน บางชนิดมีอวัยวะช่วยในการเคลื่อนที่ บางชนิดมีผนังเซลล์คล้ายเซลล์พืชแต่ไม่มีคลอโรฟิลล์ สืบพันธุ์โดยการสร้างสปอร์ ดำรงชีวิตโดยการย่อยสลายสารอินทรีย์ ได้แก่ ยูกลีนา ไดอะตอม อะมีบา พารามีเซียม
***อาณาจักรเห็ดราหรือฟังไจ (Kingdom Fungi) จัดอยู่ในโดเมนยูแคริโอต (eukaryote) อาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่เซลล์เดียวหรือหลายเซลล์ ไม่มีคลอโรฟิลล์ สังเคราะห์อาหารเองไม่ได้ กินอาหารโดยสร้างน้ำย่อยแล้วปล่อยออกมาย่อยสารอินทรีย์จนเป็นโมเลกุลเล็กและดูดเข้าเซลล์ (saprophyte) ได้แก่ สิ่งมีชีวิตประเภทเห็ด รา และยีสต์

***อาณาจักรพืช (Kingdom Plantea) ประกอบด้วย ไม้ยืนต้น ไม้ดอก พืชล้มลุก และเฟิร์น พบได้ทั้งบนบกและในน้ำ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เนื้อเยื่อส่วนใหญ่ประกอบด้วยหลายเซลล์ นิวเคลียสมีผนังห่อหุ้ม เคลื่อนที่ไม่ได้ ไม่มีอวัยวะเกี่ยวกับความรู้สึก มีคลอโรฟิลล์
ลักษณะพิเศษที่ต่างไปจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นก็คือการสังเคราะห์แสง แต่มีพืชจำพวกปรสิตประมาณ 300 สปีชี่ส์ที่ไม่สังเคราะห์แสงเอง แต่เกาะดูดอาหารจากพืชชนิดอื่น

***อาณาจักรสัตว์ (Kingdom Animalia) เป็นสิ่งมีชีวิตพวกที่นิวเคลียสมีผนังห่อหุ้ม ประกอบด้วย หลายเซลล์มีการแบ่งหน้าที่ของแต่ละเซลล์เพื่อทำหน้าที่เฉพาะอย่างแบบถาวร ไม่มีคลอโรฟิลล์ สร้างอาหารเองไม่ได้ ดำรงชีวิตได้หลายลักษณะทั้งบนบกในน้ำ และบางชนิดเป็นปรสิต อาณาจักรนี้ได้แก่สัตว์ทุกชนิด ตั้งแต่สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจนถึงสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง ได้แก่ พยาธิใบไม้ กบ ลิง กระต่าย ดาวทะเล แมงดาทะเล พลานาเรีย หอยสองฝา แมลงสาบ ในทางชีววิทยา มนุษย์ ก็จัดอยู่ในอาณาจักรสัตว์

***มอเนอรา (Monera)
ประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตจำพวกที่นิวเคลียสไม่มีผนังห่อหุ้ม (prokaryotic nucleus) และไม่มีแวคิวโอล มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น พบอยู่ทุกหนทุกแห่งในอากาศ ในน้ำ ในดิน อาจเป็นเซลล์เดียวหรือต่อกันเป็นสาย ภายในเซลล์ไม่แสดงขอบเขตของนิวเคลียสชัดเจน มีรูปร่างหลายแบบทั้งกลม แท่ง และเกลียว และยังสามารถอาศัยอยู่บนหรือในพืชและสัตว์ สมาชิกในอาณาจักรนี้ได้แก่สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินและแบคทีเรีย ปัจจุบันอาณาจักรมอเนอราได้แบ่งออกเป็นสองอาณาจักร คืออาณาจักรอาร์เคีย และแบคทีเรีย

***แบคทีเรีย หรือ บัคเตรี เป็นประเภทของสิ่งมีชีวิตประเภทใหญ่ประเภทหนึ่ง มีขนาดเล็ก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ส่วนใหญ่มีเซลล์เดียว และมีโครงสร้างเซลล์ที่ไม่ซับซ้อนมาก
***อาร์เคีย เป็นสิ่งชีวิตที่มีลักษณะคล้ายแบคทีเรีย แต่เชื่อว่ามีวิวัฒนาการแยกมา เพราะมีเยื่อหุ้มเซลล์ที่แปลกออก



^^
แผนภูมิต้นไม้แบบวงกลม แสดงวงศ์วานวิวัฒนาการ ของสิ่งมีชีวิตระบบเซลล์ โดยแบ่งตามอาณาจักรและโดเมน สีม่วงคือแบคทีเรีย สีเทาเข้มคืออาร์เคีย สีน้ำตาลคือยูแคริโอต โดยยูแคริโอตยังแบ่งออกเป็น 5 อาณาจักรคือ สัตว์(แดง) ฟังไจ(น้ำเงิน) พืช(เขียว) โครมาลวีโอลาตา(น้ำทะเล) และ โพรทิสตา(เหลืองทอง) โดยมีจุดศูนย์กลางคือ บรรพบุรุษร่วมที่ใกล้กันที่สุดของสิ่งมีชีวิตบนโลก (LUCA)






การเรียนรู้ week 1**

จากการที่ได้ทำงานร่วมกับเพื่อนๆในสัปดาห์นี้ ทำให้ฉันเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่องานนี่ไปโดยสิ้นเชิง
ในตอนแรกที่เลือกทำBiogasก้ไม่มีเหตุผลอะไรเลย เลือกไปแบบงง เพราะไม่รู้ว่าอยากทำอะไร เเล้วก็ไม่ค่อยอยากทำด้วย
ตอนที่ให้รวบรวมข้อมูลก้ไม่ค่อยอยากจะทำเท่าไหร่

เเต่ในอาทิดที่ผ่านมานี้ฉันสนุกกับการทำงานมาก ได้พบได้เจออะไรใหม่ๆที่น่าตื่นเต้น เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับผู้คนใหม่ๆที่ไม่ค่อยได้ทำงานร่วมกัน
ฉันมีความกระตือรือร้นที่จะทำงานมากขึ้น เพราะเมื่อได้ลองไปหาข้อมูลเเล้วก็อยากที่จะทำให้สำเร็จ ให้เห็นผลที่ออกมาน่าพอใจ เเละรู้สึกว่าการทำงานที่ต้องทำต่อเนื่องกันเเบบนี่เป็นเรื่องที่ไม่น่าเบื่อเท่าไหร่นัก อีกทั้งยังได้ฝึกการเปิดความคิดรับฟังข้อมูลที่เพื่อนๆเอามาแชร์กันอีกด้วย

ในอาทิตย์นี้ พวกเราได้ไปสัมผัสกับความรู้สึกที่อยากจะช่วยรักษาโลกใบนี้ไว้ของคนหลายคน
เลยทำให้ฉันมีความรุ้สึกว่าอยากทำโปรเจคนี้ให้สำเร็จให้ได้ เพื่อที่จะได้มีส่วนในการช่วยลดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองอีกด้วย เป็นความรู้สึกที่อยากจะให้ตัวเองมีไปตลอดโปรเจค เพื่อที่จะได้ไม่ท้อถอยเวลาเจออุปสรรคอะไรก็ตาม

สุดท้ายนี้ ถึงเเม้ว่างานในอาทิตย์นี้จะไม่ได้ออกมาตามเป้าหมายเเต่ฉันก็ภูมิใจว่าพวกเราได้ทำอย่างถึงที่สุดเเล้ว ไม่มีใครสักคนที่อิดออดเมื่อถึงเวลาทำงาน เเละเราก็ได้อะไรหลายๆอย่างมากมาย ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียง 1 อาทิตย์นี้

สรุปการเรียนรู้ประจำWeek1

สำหรับเราแล้วการมาทำงาน เอกสารและข้อมูลคงไม่ใช่เรื่องที่ถนัดนัก ยิ่งในอาทิตย์นี้แทบจะหาข้อมูลทั้งวัน ยิ่งปวดหัว โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นภาษาอังกฤษ ถึงมันจะลำบากแต่เราก็ผ่านมาได้ เราโชคดีที่มีเพื่อนขยันหาข้อมูล ทำให้สบายขึ้น แต่เราเองก็พยายามอ่านข้อมูลที่เพื่อนหามาเสมอ เราพบว่าแม้เรื่องที่เราไม่ถนัด ไม่ชอบ แต่ถ้าเราพยายามเราเองก็สามารถที่จะผ่านมันไปได้

แต่อุปสรรคของเราไม่จบแค่งานเอกสาร ยังมาพบกับสิ่งที่น่าสยดสยองยิ่งกว่า แม้ว่าจะเตรียมใจมาแล้วตั้งแต่เลือกโปรเจ็คนี้ คือเรื่องเกี่ยวกับถังหมัก และขี้หมู การที่เรามาทำงานต่อจากพวกพี่ๆ บางทีหลายๆคนคงคิดว่ามันจะง่ายกว่าการเริ่มทำเองใหม่ทั้งหมดเลย แต่ในความจริงแล้วมันไม่เป็นอย่างนั้นพวกเราต้องทำการตรวจถังหมัก และขี้หมูที่เคยมีอยู่แล้ว เราจำเป็นต้องล้างถังหมักเดิมเพื่อนำไปเริ่มหมักใหม่เพื่อไม่ให้เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร ถังหมักนั้นกลับขึ้นราอย่างน่ากลัว ทั้งยังส่งกลิ่นอย่างรุนแรง ส่วนขี้หมูที่เป็นที่สิงสถิตของเหล่าจุลินทรีย์ที่เราต้องการกลับมีหนอนขึ้นเต็มไปหมด เราเองเกิดอาการท้อแท้อยากเริ่มทำถังหมักใหม่เลย แต่การทำอย่างนั้นเป็นการขัดกับแนวคิดที่เราจะทำไบโอแก๊สขึ้นเพื่อทดแทนทรัพยากรธรรมชาติ เราจึงต้องจำใจทำ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทำไปเรื่อยๆ ทำให้เราเริ่มรู้สึกชิน กลายเป็นว่ารู้สึกธรรมดา อีกทั้งเพราะทำงานกับเป็นกลุ่ม จึงสนุกกับการทำงานมากขึ้น แม้เราจะพบปัญหาอยู่มาก ยิ่งทำให้เราพบว่าการแก้ปัญหาบางทีคนๆเดียวอาจแก้ไม่ตก แต่การที่เราได้พูดคุย ปรึกษาและรับฟังผู้อื่น ทำให้ปัญหานั้นแก้ไขได้ไม่ยากเย็นอย่างที่คิด ดังนั้นการรับฟังผู้อื่นจึงสำคัญอย่างยิ่ง เป็นการเปิดโลกความคิดของเรา

แม้ว่างานของเราจะไม่เสร็จตามเป้าหมายในสัปดาห์นี้ แต่เรากลับไม่รู้สึกผิดหวังหรือกังวลใดๆ อาจเป็นเพราะเราคาดเดาไว้แล้วว่าคงไม่เสร็จ บางทีการตั้งเป้าหมายเอาไว้ เราเองจำเป็นต้องเผื่อใจเอาไว้ด้วย แต่เราเองก็ทำเต็มที่แล้ว จึงไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นพวกถ่วงความเจริญเท่าไหร่

วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

BïoGaT Acฯ [2/nov/07]

อ่ะ เอา ลง แระ น๊ะ

---------/ ♠ BïoGaT [ 2/nov/07 ] ♠ \----------

- รวบรวมข้อมูลทั้งหมดและจัดข้อมูลรวมเป็นรูปเล่ม

- ล้างถังที่ทำก๊าซชีวภาพ 2 ใบ

- ปรึกษาข้อมูลในการทำเอธานอลกับครุชาลี

-------- ข้อมูลและความรู้เพิ่มเติมที่ได้ในวันนี้ -----


- ได้ความรู้เรื่องการสูบน้ำจากถังออกมาด้านนอกโดยใช้สายยาง
- ข้อมูลเรื่องการทำเอธานอลสามารถไปหาจากงานวิจัยได้ที่กรมวิทยาศาสตร์
- ได้ข้อสงสัยเพิ่มเติมในเรื่องของหนอนที่อาศัยอยู่ในถังขี้หมูที่ไม่น่าจะมีออกซิเจน, ทำไมหนอนบางตัวสีดำ บางตัวสีขาวและจะนำไปหาข้อมูลต่อไป
- ได้สำรวจในถังก๊าซชีวภาพ พบว่ามีราขึ้นจนถึงปากถังและมีฟอง
- ได้ข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องของอาณาจักรจุลินทรีย์

-----------------------------------------------------

To : EaRsHaR

ที่เรา ปริ้น ไปอ่ะ ไม่ได้ทำไรมากเลยอ่ะแก

ก็เอาที่ลงๆไว้ไปเปลี่ยนหัวข้อ แล้วก็ปริ้นเยย บางอันก็เปลี่ยนคำนิดหน่อยอ่ะนะ

ความจิง คือ ลืมไปแล้วว่าทำไรไปมั่ง 55 5

ใบกะมะได้อยุที่เรา อ่ะ ( แร้วมันอยุที่ใครฟระเนี่ย - -” )

[$a$kia] Fïr$t $teP *

ตั้งแต่ตอนเลือกโปรเจ็กต์ที่ทำก็เลือกมาแบบ งง ๆ ทำไป หาข้อมูลไป ก็ยัง งงๆ แต่ตอนนี้.. เริ่มรู้สึกว่านี่เป็นการทำงานจริงๆและกลุ่มที่ร่วมงานด้วยก็.. ลงตัว

เริ่มจากการคิดไอเดียเรื่องการแชร์ข้อมูลลงบล็อกเพื่อให้ทำงานได้ต่อเนื่องและง่ายเมื่อนำมารวมเป็นรูปเล่ม แถมยังสามารถเห็นการทำงานของเพื่อนคนอื่นๆได้ในทุกระยะ ทำให้สะดวกมากในการดูความก้าวหน้าของงานที่แต่ละคนทำอยู่ นอกจากนั้นเมื่อเห็นคนอื่นทำงานลงในบล็อก ก็ดูจะเป็นแรงกระตุ้นอย่างดีในการทำงานของเราให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เหมือนช่วยกันฉุดให้งานไปข้างหน้า ผลที่ได้ออกมาจึงค่อนข้างเป็นไปด้วยความลื่นไหลพอสมควรและเราพอใจในผลงานค่ะ

และในสัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์ที่เรียกว่าเริ่มต้นการทำงานอย่างแท้จริง

ก่อนหน้านี้มีการหาข้อมูลและศึกษากันมาบ้างแล้ว หลังจากได้นำเสนอความก้าวหน้า ความเข้าใจในงาน และได้รับคำปรึกษา งานจึงค่อนข้างจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้าง งานที่ต้องทำชัดเจน ข้อมูลที่ต้องศึกษาก็มีหลายด้าน ทำไปทำมาก็ได้หน้าที่กันไปโดยอัตโนมัติ

ระหว่างการทำงานก็ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆเยอะ นามธรรมบ้าง รูปธรรมบ้าง คละเคล้ากันไป ได้ทำงานอย่างจริงจัง ได้วางแผนอย่างมีขั้นตอน และสามารถปรับเปลี่ยนแผนให้ได้ตามสถานการณ์ที่เหมาะสม เป็นไปตามแผนบ้าง ไม่เป็นไปตามแผนบ้างนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่อย่างน้อยก็ได้ลงมือทำตามที่สถานการณ์และเวลาจะเอื้ออำนวยแล้ว ได้ลองดูภาพรวมของงานที่จะต้องทำทั้งหมดและแบ่งหน้าที่ในการทำงานกัน ลองค้นข้อมูลในเรื่องที่ไม่เคยเรียนและนำมาทำความเข้าใจ เพราะจะต้องใช้ในการทำงาน อาจไม่ได้เข้าใจทั้งหมดแต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องเลย และอาทิตย์นี้ก็ดูจะเป็นอาทิตย์ที่หนักที่สุดในด้านการหาข้อมูล และปฏิบัติ แต่พอหลังๆที่จะหนักก็คงจะเป็นการแก้ปัญหาและการปรับปรุงแก้ไข ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่จะต้องทำในตอนเริ่มต้นให้ดีที่สุดเพื่อที่ในตอนหลังจะได้รอชมผลงานที่น่าพอใจ

ถ้าจะให้บอกจริงๆว่าได้เรียนรู้อะไร ในภาคทฤษฎีก็ได้รุ้เรื่องจุลินทรีย์ กฎของก๊าซ สารชีวโมเลกุล และเซลลูโลส ส่วนในภาคปฏิบัติก็ได้ไปสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องและได้ไปสำรวจถังก๊าซชีวภาพและขี้หมู แถมยังได้ข้อสงสัยมาให้หาข้อมูลกันต่ออีก ในภาควุฒิภาวะ ได้ความรับผิดชอบ การรู้จักวางแผนและการมองภาพรวม และในบางครั้ง.. การได้ทำอะไร และคิดยังไงกับมัน.. แม้ว่าอาจจะไม่สามารถระบุการเรียนรู้ที่ได้ออกมาผ่านตัวหนังสือ แต่ใครได้อะไรก็รู้อยู่กับตัวเองนั่นแล..

REVIEW WEEK 1.................????????

สิ่งที่ได้เรียนรู้ประจำสัปดาห์ที่ 1

สิ่งที่คิดว่าได้เรียนรู้มากที่สุดในสัปดาห์แรกของการทำงานนี้คือ ได้เข้าใจความยากลำบากของนักวิทยาศาสตร์มากขึ้น นักวิทยาศาสตร์จะต้องค้นหาข้อมูล คิด และลองผิดลองถูกทำด้วยตัวเอง การทำ Bio-ethanol นี้ เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ได้ทำโครงงานโดยที่ต้องหาข้อมูลและคิดวิธีการทดลองเอง เหมือนเริ่มจากศูนย์ เพราะ project Bio-ethanol จากใบไม้นี้ไม่ใช่โครงงานที่มีคนวิจัยกันแพร่หลาย และยังไม่มีใครในโรงเรียนเคยทำเหมือนอย่าง Biogas การทำ Biogas นั้น การหาข้อมูลด้วยตัวเองส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังมีรุ่นพี่ ม.5 และครูอีกหลายคนให้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ถังหมักก็ยังไม่ต้องทำเองเพราะมีของเก่าอยู่แล้ว ต่างจาก Bio-ethanol ที่ต้องหาข้อมูลและเข้าไปเรียนรู้ด้วยตัวเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสารชีวโมเลกุล ซึ่งจะเน้นไปที่เรื่อง carbohydrate เรื่องใบไม้ enzyme และการหมัก โดยข้อมูลที่หาได้นั้น ไม่ใช่ข้อมูลที่จะเอาไปใช้และทำตามได้เลย เพราะสิ่งที่หาได้จากทั้งในหนังสือและใน internet นั้นเป็นเพียงทฤษฎี ซึ่งการที่มีแต่ทฤษฎีนั้น ทำให้ได้เรียนรู้ที่จะคิดวิเคราะห์จากข้อมูลที่มีอยู่ พยายามคิดหาวิธีของตัวเองให้ได้ และได้เรียนรู้ที่จะวางแผนจัดการทำงาน ให้ใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งตรงส่วนนี้คิดว่ายังต้องปรับปรุงอีก เพราะมีหลายอย่างที่ทำไม่ได้ตามที่วางแผนไว้ในตอนแรกจนต้องเปลี่ยนแผนอยู่บ่อยๆ

ณิชาลักษณ์ เลิศประพันธ์

สรุปประจำอาทิตย์

อาทิตย์นี้เรา(ถ้าพูดให้ถูกก็เพื่อนไม่ใช่เรา)ได้ทำเกี่ยวกับการหาข้อมูลเป็นส่วนใหญ่ ขาดก็แค่ข้อมูลการทำเอทานอล และทางการปฏิบัติก็ได้ล้างถังไปสองใบ ความรู้ที่ได้คือเรื่องกาลักน้ำโดยได้ความรูจากครูชาลี ส่วนขั้นตอนการหมักแบบคร่าวๆได้มาจากป้าเปรี้ยว และความรู้เรื่องเศษอาหารที่ควรใช้ในการหมัก และได้เห็นหนอนที่เกิดจากขี้หมู เมื่อมันออกมานอกถังมันก็ตายเราจึงได้ข้อสงสัยเรื่องของหนอน

วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

FROM EARSHAR TO BIOGAT MEM.

to saskia
เอาที่พิมพ์วันนี้ที่โรงเรียนที่ print มาแล้วมาลง blog หน่อยนะ เราจะไปจัดหน้าใหม่และเอารูปลง เพื่อความสวยงสมที่ความหนาของรายงานเรา
to whisky, lassie and peter
ข้อมูลทั้งหมดที่จะเอาลงรายงานช่วย post ให้ด้วยนะ เผื่อเราจะใส่รูปและระ print สีไปให้
to everyone
อย่าลืมเขียนสิ่งที่ได้เรียนรู้ประจำอาทิตย์นี้ของตัวเองกันด้วยน้า แล้วก็อย่าลืม post ล่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

summerize ethanol transition step by step thai ver.

ขั้นตอนการเปลี่ยนใบไม้เป็น ethanol
1. รวบรวมใบไม้
2. ตัดใบไม้ให้เป็นชิ้นเล็กลง
3. แยก hemicelluloses, lignin และวัสดุอื่นๆในใบไม้ออกจาก cellulose โดยการให้ความร้อนและสารเคมีบางชนิด (ยังไม่รู้กระบวนการที่แน่นอน)
4. แยกสลายพันธะ cellulose ให้เป็น fructose และ glucose โดยการเข้าทำปฏิกิริยากับ enzymes (วิธีนี้ใช้ค่าใช้จ่ายสูง) หรือใช้การ hydrolyze ด้วย sulfuric acid (เราน่าจะใช้วิธีนี้ สำหรับขั้นตอนการ hydrolyze ที่ละเอียดมากขึ้น อ่านใน ethanol production ที่เรา post ไว้)
5. เปลี่ยน glucose และ fructose เป็น ethanol โดยการหมักด้วย yeast (น่าจะเหมือนทำ wine ตอน ม. 2 สำหรับรายละเอียด อ่านใน ethanol production เช่นกัน)

CELLULOSE...................?????????

Cellulose
Cellulose, the most common form of carbon in biomass, is also a biopolymer of glucose. In this case, the glucose moieties are strung together by ß-glycosidic linkages. The ß-linkages in cellulose form linear chains that are highly stable and much more resistant to chemical attack because of the high degree of hydrogen bonding that can occur between chains of cellulose (see Figure 2). Hydrogen bonding between cellulose chains makes the polymers more rigid, inhibiting the flexing of the molecules that must occur in the hydrolytic breaking of the glycosidic linkages.

leave thai ver.

เส้นใยของพืชมีขนาดเล็กกว่าเส้นผม ตรงกลางมีลักษณะกลวง ผนังหนา ส่วนที่เป็นเซลลูโลสทั้งหมดจะอยู่ที่ผนังเซลล์ รวมทั้งส่วนใหญ่ของเฮมิเซลลูโลสด้วย ส่วนที่เป็น lignin จะอยู่ที่ผนังเซลล์เพียงครึ่งเดียว ที่เหลือจะอยู่ระหว่างผนังเซลล์ของ แต่ละเส้นใย lignin ระหว่างผนังเซลล์นี้จะกำจัดออกไปได้ง่าย แต่ lignin ที่ปะปนอยู่ในผนังเซลล์จะกำจัดออกยาก ในกระบวนการ ผลิตกระดาษจึงมุ่งกำจัด lignin ระหว่างผนังเซลล์เป็นสำคัญ lignin ทำหน้าที่คล้ายการช่วยจับยึดเส้นใยเข้าไว้ด้วยกัน lignin ทำให้อ่อนตัวได้ด้วย ความร้อน ช่วยให้เส้นใยแยกออก จากกันได้ ซึ่งหลักการนี้นำไปใช้ในการผลิตเยื่อกระดาษโดยวิธีทางกายภาพ (mechanical pulping) lignin ละลายได้ในน้ำยาต้มเยื่อซึ่งมีทั้งชนิดเป็น กรดและด่างจึงใช้เป็นวิธีผลิตเยื่อกระดาษทางเคมี (chemical pulping)
เซลลูโลส (Cellulose) เป็น polysaccharide ที่ประกอบด้วยกลูโคสหลาย ๆ โมเลกุลเชื่อมต่อกันเป็นสายยาว เซลลูโลสจะเรียงตัวขนานกันและเชื่อมยึดกันด้วยพันธะไฮโดรเจน มีลักษณะเป็นกลุ่มเรียกว่า ไมโครไฟบริล (microfibril)ลิกนิน (lignin) เป็นสารอินทรีย์ที่ทำให้ผนังเซลล์มีความแข็งแรงในเนื้อเยื่อ หรือเนื้อเยื่อ หรือเนื่อไม้ที่มีอายุน้อยจะมี lignin น้อยกว่าที่มีอายุมาก

BïoGaT Activitie$ *[30-31/oct/07]

เอามาลงก่อง เผื่อได้ใช้ นานไปเด๋วจาลืมเอา ว่าวันไหนทำไรมั่ง

เริ่มจากวันอังคารนะ อะเช๊ ? หุๆ

---------/ ♠ BïoGaT [ 30/oct/07 ] ♠ \----------

- รวบรวมข้อมูลที่หามาได้ทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องก๊าซชีวภาพ

- วางแผนการดำเนินงานของการทำก๊าซชีวภาพ

- ศึกษาถังที่ใช้ในการหมัก

- นำเสนอแผนงานและปรึกษาแนวทางการทำงานกับคุณครูชาลี

- สำรวจถังหมักของพี่ ม.5 แบบคร่าวๆ

- หาและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องของชีวโมเลกุล กฎของก๊าซ การทำ Bioethanol และการย่อยสลายของเซลลูโลส

--------- ข้อมูลเพิ่มเติมที่ได้ในวันนี้ -------------

- ได้ศึกษาแบบถังหมักก๊าซชีวภาพ

- ได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเซลลูโลส จุลินทรีย์ กฎของก๊าซ และสารชีวโมเลกุล

- ออกแบบผังในการทำงาน

---------/ ♠ BïoGaT [ 31/oct/07 ] ♠ \----------

- สัมภาษณ์และปรึกษาป้าเปรี้ยวเกี่ยวกับถังหมักรวมถึงวิธีการหมักก๊าซชีวภาพ

- พิมพ์ขั้นตอนการดำเนินงานและจุดประสงค์การทำงาน

- รวบรวมทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการทำก๊าซชีวภาพเพิ่มเติม

--------- ข้อมูลเพิ่มเติมที่ได้ในวันนี้ -------------

- ตอนที่ป้าเปรี้ยวทำ พลังงานจากก๊าซชีวภาพที่ได้มากที่สุดสามารถต้มน้ำให้เดือดได้หม้อหนึ่ง

- ต้องเอาเศษอาหารออก 2 – 3เดือน / ต่อครั้ง

- หลังจากเริ่มทำการหมักจำเป็นต้องทิ้งเศษอาหารไว้ 15 วันเพื่อให้จุลินทรีย์เริ่มทำงาน

- ได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากการค้นหาว่า gas 1 ลูกบาศก์เมตร จะใช้ทามอาหารสำหรับ 1 ครอบครัวได้ 3 มื้อเเล้ว 1 ลบ.ม. จะเท่ากับ 1000 ลิตรจากข้อมุลที่เราหามากล่าวว่า gas ที่ได้จากการหมัก( แบบที่ป้าเปรี้ยวทำ ) จะได้gasวันละประมาณ 5.8 ลิตร (0.0058 ลบ.ม.)ต่ออาหารที่ใส่ลงไป คือ 1 กก.

จะเทียบบัญญัติไตรยางค์ได้ว่าgas 0.0058 ลบ.ม. ใช้อาหาร 1 kg

gas 1 ลบ.ม. ใช้อาหาร 1/0.0058 * 1 = 172.42 kg. ต่อวัน

และเนื่องจากต้องใช้ปริมาณเศษอาหารที่ค่อนข้างมากและจะทำให้เสียเวลามากในการทำ เราจึงเปลี่ยนเป้าหมายใหม่เป็นทดแทนพลังงาน 30 % ในการทำอาหาร 1 มื้อ แทนการทดแทนพลังงานในการทำทั้งหมด

- เศษอาหารที่เหลือในแต่ละวันมีทั้งที่นำไปเป็นอาหารปลา และทำปุ๋ย

-------------------------------------------------

กะว่า ถ้ามีบันทึกการเรียนรู้จะได้เอามาลงคู่กันว่าวันไหนทำอะไรแล้วได้อะไร

เพื่อรายงานอันเพอร์เฟ็กต์ของเรา \ *0* / เย้ ~!! 555+

BïoGaT Ac ฯ [1/11/07]

---------/ ♠ BïoGaT [ 1/nov/07 ] ♠ \----------

- สัมภาษณ์ครูหมูเกี่ยวกับปริมาณเศษอาหารในแต่ละวัน

- สัมภาษณ์ครูปุ้ยเกี่ยวกับข้อมูลเพิ่มเติมในการทำก๊าซชีวภาพ


- นำเสนอความก้าวหน้าในการทำงานในชั้น

---------- ข้อมูลเพิ่มเติมที่ได้ในวันนี้ ----------------

- รู้แหล่งของขยะที่เป็นเศษอาหารในโรงเรียนว่าตั้งอยู่บริเวณโรงครัวและมีประมาณ 5 – 6 ถังต่อวัน

- เศษอาหารที่เหลือจากการรับประทานอาหารของแต่ละตึกจะถูกนำไปเป็นอาหารปลา

- เศษอาหารที่เหลือจากการทำอาหารอย่างเช่น เศษผัก เศษเปลือกผลไม้ ฯลฯ ถูกนำไปทำเป็นปุ๋ยหมัก

- หากต้องการจะใส่เศษอาหารลงไปในถังหมักชีวภาพในแต่ละวันไม่ควรใส่เศษอาหารที่ชิ้นใหญ่ เช่น ไม้เสียบลูกชิ้น กระดูกชิ้นใหญ่ วุ้นมะพร้าว เพราะเศษอาหารเหล่านี้จะย่อยสลายช้ากว่าเศษอาหารทั่วไป

- ในแต่ละวันจำเป็นต้องเดินตรวจดูตามตึกว่าแต่ละตึกทำอาหารประเภทไหนและเราจะสามารถนำมาใส่ลงถังหมักก๊าซชีวภาพได้หรือไม่ โดยดูว่ามีก้างหรือกระดูกที่ย่อยสลายยากหรือไม่ และที่จะย่อยสลายง่ายก็เช่น เส้นก๋วยเตี๋ยว ซึ่งเป็นเศษอาหารที่ย่อยสลายง่าย

- จำเป็นต้องเติมเศษอาหารทุกวันเพื่อให้จุลินทรีย์ได้ทำงานอย่างสม่ำเสมอ และควรกวนทุกครั้งหลังจากใส่ไปแล้ว เพื่อให้จุลินทรีย์ได้ทำงานอย่างทั่วถึง และถ้าไม่ใส่เศษอาหารทุกวันจะไม่เกิดก๊าซชีวภาพ

- ต้องติดต่อพี่แม่บ้านในแต่ละตึกเกี่ยวกับเรื่องเศษอาหารให้พี่แม่บ้านเก็บไว้ให้อย่าเพิ่งไปเทลงในถังรวมเศษอาหารซึ่งมีความสกปรกเพราะมีทั้งเศษอาหารใหม่และเก่า

- ครูปุ้ยแนะนำว่าควรใช้เศษอาหารที่เหลือจากการรับประทานอาหารในแต่ละวันมากกว่าเศษอาหารที่เหลือจากการทำอาหาร เนื่องจากเศษอาหารเหล่านี้จะเกิดการบูดซึ่งจะเกิดก๊าซชีวภาพได้ง่ายกว่า


BïoGaT Plan [ N e w ] ~

W ee k 1 :: รวบรวมข้อมูลและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการทำก๊าซชีวภาพ , สำรวจแหล่งขยะและปริมาณของขยะภายในโรงเรียน , สัมภาษณ์ผู้ที่เคยมีส่วนช่วยและเป็นผู้ทำก๊าซชีวภาพ( ในที่นี้หมายถึงครูดุจ ป้าเปรี้ยว ครูหมูและครูปุ้ย ) , สำรวจถังพี่ ม.5 เพื่อดูปัญหาของถังที่ไม่มีก๊าซชีวภาพเกิดขึ้นเพื่อหาแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขให้สามารถนำมาใช้งานได้จริง, ทำความสะอาดและซ่อมแซมส่วนที่เสียหายของถัง

W ee k 2 :: รวบรวมวัตถุดิบในการหมักก๊าซชีวภาพ ซึ่งก็คือ เศษอาหารและขี้หมูแห้ง รวมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการหมักให้เรียบร้อย และถ้าหากวัตถุดิบและอุปกรณ์พร้อมก็เริ่มทำการหมักเลย ในระหว่างที่รอให้ก๊าซชีวภาพจากเศษอาหารเกิดขึ้นก็รวบรวมข้อมูลและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับ bio ethanol

W ee k 3 :: เตรียมวัตถุดิบในการทำและทอลองทำ bio ethanol

W ee k 4 :: เริ่มเติมเศษอาหารลงในถังหมักก๊าซชีวภาพ สังเกตการเปลี่ยนแปลง และรอให้เกิดก๊าซชีวภาพ

W ee k 5 :: ลองทำ bio ethanol ต่อ

W ee k 6 :: วิเคราะห์ และสรุปข้อมูลในการทำก๊าซชีวภาพและ bio ethanol หากมีปัญหาให้วิเคราะห์ปํญหาเพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นต่อไป

หมายเหตุ :: มีการบันทึกข้อมูล หาข้อมูลเพิ่มเติม บันทึกการเรียนรู้ในแต่ละวันอย่างสม่ำเสมอ

แนวคิด เพิ่มเติมเกี่ยวกับการผลิตเอทานอล

ส่วนด้านการผลิตเอทานอล จากที่ค้นคว้าพบว่าเอทานอลมักผลิตจากสารที่มีแป้งประกอบ เช่น มันสำปะหลัง อ้อย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักจะสามารถนำมาทำเป็นอาหารรับประทานได้ทั้งนั้น ยิ่งสำหรับในพื้นที่แห้งแล้ง มีพืชผักขึ้นน้อย หากต้องการผลิตเอทานอลจำเป็นต้องยอมสละอาหารซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตแล้ว ทำให้ปัญหาการขาดอาหารหนักข้อยิ่งขึ้น หากเราสามารถสร้างเอทานอลจาก พวกเซลลูโลสซึ่งเราไม่นำมาใช้ประกอบอาหารและถือเป็นขยะ จะเป็นประโยชน์อย่างมาก

<----เป้าหมาย----< ฉบับปรับปรุง : ไบโอเอทานอล ยังไม่สมบูรณ์*~

เราหวังว่าจะสามารถสร้างแก๊สชีวภาพขึ้นมาได้จริงๆ เพื่อที่จะไว้นำไปใช้เป็นแก๊สหุงต้มในโรงเรียนของเรา แต่หากเราต้องการที่จะใช้แก๊สชีวภาพในการทำอาหารในโรงเรียนทั้งหมด จากข้อมูลที่เราได้สืบค้นมาพบว่าต้องใช้เศษอาหารในการหมักต่อวันกว่าประมาณ170กิโลกรัมจึงจะสามารถผลิตแก๊สได้มากพอ ซึ่งจำนวนของเศษอาหารมากขนาดนี้หากเราต้องการใช้เศษอาหารเฉพาะที่เหลือในโรงเรียนคงจะไม่เพียงพอ เราจึงคิดที่จะใช้แก๊สชีวภาพในการทดแทนพลังงานจากแก๊สอื่นเพียง30%เท่านั้น โดยจำนวนอาหารในการหมักแต่ละวันจะตกอยู่ที่ประมาณ50กิโลกรัม ซึ่งเราคิดว่าไม่ยากเกินไปที่จะหามาได้จากเศษอาหารเหลือทิ้งในโรงเรียน

จากที่เรามีโครงการเกี่ยวกับไบโอดีเซล เพื่อเป็นการใช้พลังงานสะอาดครบวงจร เราจึงคิดที่จะผลิตเอทานอลขึ้นเพื่อใช้ทดแทนเมทานอลที่ใช้ผลิตไบโอดีเซล เป็นลดค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อสารเคมี